"ขุนแผนกรุวัดพระรูป ทั้งเนื้อหยาบและเนื้อละเอียด พุทธลักษณะองค์พระประธานประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย ภายในซุ้มเรือนแก้ว พระพักตร์ยาว พิมพ์ด้านหลังเป็นหลังอูมพุทธคุณเป็นเลิศทางด้านคงกระพันชาตรีและเมตตามหานิยมเป็นที่ปรากฏ" วัดพระรูป เป็นวัดโบราณที่ผ่านความเจริญและร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมถนนขุนช้าง ต.ท่าพี่เลี้ยง ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี เป็นแหล่งกำเนิดพระกรุเก่ามากมายที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมสะสมอย่างกว้างขวาง ซึ่งส่วนใหญ่นำมาผูกกับวรรณคดีที่เข้าใจว่าแต่งขึ้นในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 คือ เรื่องขุนช้างขุนแผน และที่ขึ้นชื่อได้แก่ "ขุนแผนไข่ผ่าซีก" และ "ขุนแผนแตงกวาผ่าซีก" ท่านมหากวีเอกของไทย "สุนทรภู่" ได้รจนาในโคลงนิราศเมืองสุพรรณ เมื่อปี พ.ศ.2378 ตอนหนึ่งว่า "ฝั่งซ้ายฝ่ายฟากโน้น พิสดาร มีวัดพระรูปบุราณ ท่านสร้าง ที่ถัดวัดประตูสาร สงฆ์สู่ อยู่เอย หย่อมย่านบ้านขุนช้าง ชิดข้างสวนบัลลังก์" "พระขุนแผนกรุวัดพระรูป" เข้าใจว่าสร้างในสมัยอู่ทอง ซึ่งนับว่ามีอายุเก่าแก่กว่าพระตระกูลขุนแผนทั้งหมด มีทั้งเนื้อหยาบและเนื้อละเอียด พุทธลักษณะองค์พระประธานประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย ภายในซุ้มเรือนแก้ว พระพักตร์ยาว พิมพ์ด้านหลังเป็นหลังอูม ลักษณะพิมพ์ทรงคล้ายไข่ผ่าซีก โดยแบ่งแยกออกไปอีกเป็น 2 พิมพ์ คือ 1.พิมพ์ไข่ผ่าซีก จะมีลักษณะคล้ายไข่ไก่ผ่าซีก 2.พิมพ์แตงกวาผ่าซีก ลักษณะจะเรียวยาว และเล็กกว่าพิมพ์ไข่ผ่าซีก ขุนแผนพระรูปทั้ง 2 พิมพ์นี้ มีพุทธคุณเป็นเลิศทางด้านคงกระพันชาตรีและเมตตามหานิยมเป็นที่ปรากฏ จนเป็นที่แสวงหาของนักนิยมสะสมพระเครื่องอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ วัดพระรูปยังมีการขุดค้นพบพระเครื่องอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ พระพลายงาม พระขุนไกร พระกุมารทอง (พระยุ่ง) พระสีกร พระมอญแปลง พระประคำรอบ และพระนาคปรกชุมพล เป็นต้น สำหรับพระขุนแผนพิมพ์ไข่ผ่าซีกนั้น นับเป็นพระดีน่าเก็บ สนนราคาปัจจุบันหลายหมื่นขึ้นไปแล้ว เรียกว่าเป็นพระเบ่งได้ (เบ่งราคา) มีเอกลักษณ์สำคัญในการพิจารณาดังนี้ - มีทั้งเนื้อหยาบและเนื้อละเอียด หน้าตาไม่ชัดนัก แต่จะเห็นเม็ดแร่สีน้ำตาลอมแดงกระจายอยู่ทั่วองค์พระ เนื้อแม้จะดูคล้ายพระขุนแผนพิมพ์อื่นๆ แต่มีความแน่นตัวมากกว่า เมื่อถูกเหงื่อจะขึ้นมันเงางาม - องค์พระยังคงไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของพระพุทธชินราช กล่าวคือ ประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย ในซุ้มเรือนแก้ว พระพักตร์เป็นทรงรี ขมับทั้งสองข้างยุบตัวเข้าไป ที่สำคัญอีกจุดหนึ่งคือ ปลายพระเกศจะมีติ่งงอคล้ายเงี่ยงเบ็ดหรือแฉกลูกศรอยู่ทางซ้ายมือขององค์พระ - เหนือขมับซ้ายจะมีเส้นพิมพ์แตกวิ่งเฉียงไปจรดซุ้ม ส่วนพระกรรณทั้งสองข้างส่วนบนติดไม่ค่อยชัดนัก จะเห็นส่วนตอนล่างวิ่งรางๆ ลงมาจรดพระอังสา (ต้องใช้กล้องส่อง) และให้สังเกตของแท้จะมีเส้นเอ็นคอวิ่งเชื่อมหนึ่งเส้น - ซุ้มเรือนแก้วมีลักษณะพลิ้วโค้ง มีเสาซุ้มรับทั้งสองด้าน ให้ดูระหว่างเสาซุ้มด้านซ้ายขององค์พระกับลำพระกรซ้ายจะมีจุดเล็กๆ หนึ่งจุด อยู่ตรงกลางเหนือข้อศอกด้านนอกขององค์พระ - เอกลักษณ์สำคัญของ "พระขุนแผนไข่ผ่าซีก" ที่คนโบราณเรียกกันว่า "ตราเบนซ์" คือ เป็นรูปดาวสามแฉกคล้ายโลโก้รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตอนหัดเล่นพระใหม่ๆ อาจารย์ให้ส่องหาตราเบนซ์จนตาแทบกลับ เพราะบริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยเส้นสายยุ่งอีนุงตุงนังไปหมด แต่พอดูเป็นแล้วจะเห็นได้ชัด แฉกสามเหลี่ยมจะมีรอยย่นเล็กน้อย บางคนเรียกแฉกดาวหรือใบพัดเรือ - องค์พระประทับนั่งบนฐานบัวหงาย มีเส้น คั่นกลางระหว่างพระเพลากับฐานบัว เส้นนี้จะหนาหน่อย และตรงกลางเส้นจะขาดหาย ส่วนฐานบัวจะคลี่กลับบานออกด้านขวามือ ด้านล่างระหว่างกลีบบัวที่คลี่จะมีเส้นเรียวเล็กๆ ปลายแหลมโค้งสะบัดพลิ้วอย่างงดงาม

การจัดส่ง & รับประกัน

• จัดส่งภายใน 1-3 วัน
• ค่าจัดส่งตามตกลง
• คืนสินค้าภายใน 7 วัน